วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2556

กลยุทธ์ระดับโลกเพื่อการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน


              ไนกี้ เผยแพร่รายงานความรับผิดชอบต่อสังคมซึ่งชี้แจงความคืบหน้าและความท้าทายในการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายของบริษัทและเป้าหมายเพื่อส่วนรวม
              ไนกี้ อิงค์ (NIKE, Inc.) (NYSE:NKE) เผยแพร่รายงานความรับผิดชอบขององค์กรต่อสังคม (Corporate Responsibility: CR) ประจำปี 2550 — 2552 ซึ่งกล่าวถึงวิวัฒนาการของกลยุทธ์ CR ของบริษัทตั้งแต่การบริหารจัดการความเสี่ยง งานด้านการกุศล และรูปแบบการดำเนินงานตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนทางจริยธรรมของสังคม ไปจนถึงกลยุทธ์ระยะยาวซึ่งมุ่งเน้นไปที่การสร้างสรรค์นวัตกรรม การให้ความร่วมมือ การดำเนินงานอย่างโปร่งใส และการสนับสนุนด้านต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมให้บริษัทก้าวไปข้างหน้าในวิถีทางเศรษฐกิจแบบยั่งยืน
              ไนกี้ให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ Sustainable Business and Innovation (SB&I) ด้วยการสร้างสรรค์วิธีการที่มีความยั่งยืนมากขึ้น เพื่อนำมาซึ่งผลตอบแทนสู่ธุรกิจ ชุมชน พนักงานในโรงงาน ผู้บริโภค และโลก
              รายงานฉบับนี้ยังได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับความคืบหน้าในการดำเนินงานของไนกี้เพื่อบรรลุเป้าหมาย CR ระยะ 5 ปี และการทบทวนภารกิจด้าน CR ของไนกี้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอย่างครอบคลุม
              “ความยั่งยืนเป็นกุญแจสู่การเติบโตและการสร้างสรรค์นวัตกรรมของไนกี้” มาร์ก พาร์กเกอร์ ประธานและซีอีโอของไนกี้ อิงค์ กล่าว “การทำให้ธุรกิจของเรามีความยั่งยืนมากขึ้นนั้น จะเป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภคของเราซึ่งคาดหวังว่าจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะที่พนักงานที่โรงงานก็จะได้รับประโยชน์จากการผลิตแบบยั่งยืน ส่วนพนักงานและผู้ถือหุ้นของเราจะได้รับผลตอบแทนจากการที่บริษัทได้เริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตแต่เนิ่นๆ”
               นอกจากนี้ ด้วยความตระหนักถึงผลกระทบจากทรัพยากรธรรมชาติที่ลดลง และความจำเป็นที่จะช่วยกันทำให้เศรษฐกิจปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้น้อยที่สุด ไนกี้จึงหวังที่จะใช้รายงานฉบับนี้เพื่อแบ่งปันวิสัยทัศน์ของบริษัทในการดำเนินธุรกิจแบบ closed-loop ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อทำให้ซัพพลายเชนปลอดจากขยะโดยสิ้นเชิง รวมถึงมีผลิตภัณฑ์และวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ทำให้เกิดขยะทั้งก่อนและหลังการใช้ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนกระบวนการและรูปแบบการดำเนินธุรกิจอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน
            “ไนกี้ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนมาโดยตลอด” ฮันนาห์ โจนส์ รองประธานฝ่าย SB&I กล่าว “ปัจจุบัน ปัญหาสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจกำลังส่งผลต่อแรงงาน เยาวชน ซัพพลายเชน และผลิตภัณฑ์ แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและโปร่งใส ทำให้ไนกี้มีโอกาสที่จะใช้นวัตกรรมที่มีอยู่เพื่อแก้ปัญหาที่ยุ่งยากซับซ้อนเหล่านี้”
             รายงานฉบับนี้เป็นการแถลงความคืบหน้าของเป้าหมายระยะ 5 ปีซึ่งไนกี้ได้กำหนดขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2550 บริษัทสามารถดำเนินการรุดหน้าในหลายด้าน อาทิ การฝึกอบรมการใช้หลัก Lean และ Human Resource Management ในโรงงาน ตลอดจนการลดขยะและสารพิษ และเพิ่มการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Considered Design ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน ควบคู่ไปกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
             รายงานยังได้เปิดเผยความคืบหน้าของเป้าหมายอื่นๆที่เผชิญความท้าทายเพิ่มมากขึ้น อาทิ การบริหารชั่วโมงการทำงานล่วงเวลาของโรงงานต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้ ไนกี้ยังได้แก้ไขหรือชี้แจงเป้าหมายบางประการให้มีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทมีความเข้าใจในปัญหาเพิ่มขึ้น หรือมีการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์
          สรุปโครงการริเริ่มที่สำคัญๆของบริษัทภายใต้แผนกลยุทธ์ CR ได้แก่
1. Considered Design
       Considered Design คือการนำหลักการเพื่อความยั่งยืนมาใช้ออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์นักกีฬา ด้วยการลดหรือกำจัดมลพิษและขยะ และเพิ่มการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
2. GreenXchange (GX)
       GX คือตลาดออนไลน์สำหรับแลกเปลี่ยนทรัพย์สินทางปัญญา ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะทำให้เกิดรูปแบบธุรกิจและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนรูปแบบใหม่ๆ ผู้ใช้ระบบ GX จะสามารถแบ่งกันใช้ทรัพย์สินทางปัญญาได้ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างไร้ขีดจำกัดเพื่อขจัดอุปสรรคขัดขวางความยั่งยืนต่างๆ GX มีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการพัฒนานวัตกรรมสีเขียว ด้วยการทำให้ทรัพย์สินทางปัญญาที่เคยเป็นกรรมสิทธิ์ของแต่ละบุคคลมีความเป็นสาธารณะมากขึ้น
3. Lean และ Human Resource Management (HRM)
       ไนกี้ได้ร่วมมือกับโรงงานต่างๆในการฝึกอบรมการใช้หลักการผลิต Lean และหลักการบริหารทรัพยากรบุคคล HRM โดยหลักการ Lean จะเป็นตัวผลักดันให้การตัดสินใจต่างๆมีความใกล้ชิดกับพนักงานในโรงงานมากขึ้นผ่านทางการสร้างทักษะ การทำงานเป็นหมู่คณะ การตระหนักถึงคุณภาพมากกว่าปริมาณ ขณะที่ HRM จะเพิ่มความสามารถด้านการบริหารจัดการของโรงงาน และทำให้โรงงานเล็งความสำคัญของกำลังคนที่มีอยู่มากขึ้น
4. กีฬาเพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม (Sport for Social Change)
        ไนกี้ใช้กีฬาเป็นเครื่องมืออันทรงพลังเพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมา หลายฝ่ายยังไม่เห็นคุณค่าของกีฬาว่าสามารถสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการทางสังคมและผู้สร้างสรรค์ชุมชน ตลอดจนขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม หนึ่งในตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมที่สุดของโครงการที่ไนกี้ได้ร่วมกับพันธมิตร ได้แก่ โครงการฟุตบอลรากหญ้า (Grassroot Soccer) ในแอฟริกา ซึ่งเป็นโครงการระดับชุมชนที่มุ่งแก้ปัญหาสังคมผ่านทางการสร้างจิตสำนักและให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ ด้วยการใช้กีฬาเป็นตัวกระตุ้นการติดต่อสื่อสารกับเด็กๆทั้งชายและหญิง
5. กลยุทธ์ด้านสภาพอากาศและพลังงาน (Energy and Climate Change Strategy)
        ในปี 2552 ไนกี้ได้ริเริ่มการจัดตั้งกลุ่มความร่วมมือระหว่างบริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งมีชื่อว่า Business for Innovative Climate and Energy Policy (BICEP) เพื่อสนับสนุนการจัดทำกฎหมายด้านสภาพภูมิอากาศและพลังงานในสหรัฐ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างสรรค์เทคโนโลยีและสาธารณูปโภคใหม่ๆที่ช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
                นอกจากนั้น ในปี 2551 ไนกี้ยังได้เปิดตัวโครงการ footwear energy efficiency program ด้วยการเซ็นสัญญากับผู้ผลิต 5 ราย ความมุ่งมั่นของไนกี้ที่มีต่อโครงการนี้ได้สร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม กล่าวคือ โรงงานที่เข้าร่วมโครงการสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 6% แม้ว่าโรงงานจะดำเนินการผลิตเพิ่มขึ้น 9% ก็ตาม
ทั้งนี้ รายงานความรับผิดชอบต่อสังคมของไนกี้เผยแพร่บนเว็บไซต์ nikeresponsibility.com ซึ่งจะให้ข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินงานของไนกี้เพื่อบรรลุเป้าหมายต่างๆ และทบทวนการดำเนินงานที่ผ่านมาของบริษัทในปีงบการเงิน 2550 2551 และ 2552
               เกี่ยวกับไนกี้
         ไนกี้ อิงค์ (NYSE:NKE) มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองบีเวอร์ตัน รัฐโอเรกอน บริษัทออกแบบ ทำการตลาด และจัดจำหน่ายรองเท้ากีฬา เสื้อผ้าชุดกีฬา อุปกรณ์กีฬา และอุปกรณ์เสริมสำหรับกีฬาหลากหลายประเภท ตลอดจนการออกกำลังกายในฟิสเนต บริษัทในเครือซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลและบริหารงานของไนกี้ ได้แก่ บริษัทโคล ฮาน (Cole Haan) ผู้ออกแบบ ดูแลการตลาด และจัดจำหน่ายรองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ และเสื้อโค้ตที่โก้หรูดูภูมิฐาน, คอนเวิร์ส อิงค์ (Converse Inc.) ซึ่งดูแลการออกแบบ การตลาด และการจัดจำหน่ายรองเท้ากีฬา เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับตกแต่งต่างๆ, เฮอร์ลีย์ อินเตอร์เนชั่นแนล แอลแอลซี (Hurley International LLC) ผู้ออกแบบ ทำการตลาด และจัดจำหน่ายรองเท้า เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายสำหรับการเล่นกีฬาผาดโผนหรือแอ๊กชั่นสปอร์ต ตลอดจนไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่น และ อัมโบร ลิมิเต็ด (Umbro Ltd.) แบรนด์รองเท้า เสื้อผ้า และอุปกรณ์กีฬาฟุตบอลระดับโลกของอังกฤษ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น